วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2558

ต้นทุนชีวิต ไม่ใช่เครื่องวัดความสำเร็จ...

ไม่ต้องบอกก็รู้กันดีครับว่า ในสังคมเรานี้ มีคนจน กับคนรวยปะปนกันอยู่
บางคนก็อาจจะไม่จน พอมีกิน มีใช้จ่ายได้ แต่ก็ไม่ถึงระดับหรูหรา ใช้เงินเป็นกระดาษ
ผมคิดนานมาก กับบทความนี้ ว่าจะเขียนมาดีหรือเปล่า เพราะจากบทความก่อน
ผมก็โดนผู้คนจำนวนมากมาโจมตี ด่าผม จนผมสูญเสียแฟนคลับไปไม่ใช่น้อย


แต่ ไม่ว่ายังไงก็ตาม...

สิ่งที่ผมทำเอาไว้ในวันนี้ สักวันหนึ่งข้างหน้า มันจะมีคุณค่าแก่คนที่อยู่เบื้องหลัง
และส่งต่อไปยังคนอื่นๆ ต่อไป ผมจึง เขียนบทความนี้ขึ้นมาครับ

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่วาดฝัน อยากประสบความสำเร็จในชีวิต อยากมีวันที่ดี
อยากมีสิ่งต่างๆ ที่วาดเอาไว้ในวิมาน แม้ว่าใครๆ จะหาว่าคุณเป็นคนบ้า ไม่เจียมตัว
ไม่ดูตัวเอง โง่ จน กระจอก หรืออะไรก็ตาม

ผมอยากบอกเหลือเกินว่า ต้นทุนชีวิตของคนเรานั้น มันก็จริงครับ
ใครมีเงินมากกว่า มีสังคม มีโอกาส มันก็ทำอะไรหลายๆ อย่างง่าย สะดวก
แต่นั่นไม่ได้แปลว่า คนจนๆ ขาดโอกาสในชีวิต ไม่ได้เรียนหนังสือ สอบตก ตกงาน
ไม่มีสังคมเพื่อนฝูง หรืออะไรก็ตาม

คนเหล่านั้น ก็ยังคงสำเร็จได้ หากว่าเชื่อมั่นในความฝัน และยังไม่สิ้นศรัทธาไป
ขอเพียงแค่ อย่ายอมแพ้ อดทน และมองหาหนทางเดินของตัวเองให้พบ
วันหนึ่งจะต้องพบมันจนได้ แม้วันนี้จะต้องอดทน ตอกบัตร ทำงาน รับจ้าง อดมื้อกินมื้อ
หรืออะไรก็ตาม ที่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ กับสิ่งที่คนอื่นมี แล้วคุณขาดหาย

อย่าสิ้นศรัทธา ในความฝันของตัวเองครับ
ถ้าคุณทำสำเร็จ ลูกหลานคุณก็จะสบาย แต่ถ้าวันนี้คุณยอมแพ้ ภาระการสู้ชีวิต พลิกเปลี่ยนชะตาฟ้า
ก็ต้องตกเป็นของลูกหลานต่อไป คุณจะเสียสละทำเพื่อพวกเขาหรือเปล่า หรือว่า ปล่อยให้พวกเขาทำเอาเอง เพราะคุณยอมแพ้ ชะตาฟ้าแล้ว

ผมก็เป็นอีกคนที่เริ่มต้นแบบไม่มีต้นทุนชีวิตอะไรเลย ผมนั้นเกิดในครอบครัวที่พ่อแม่ค่อนข้างจะขาดแคลน เรื่องเงินทอง พอสมควร จึงได้ส่งผมเรียนดีที่สุดเท่าที่ท่านทั้งสองจะทำได้ ก็คือโรงเรียนธรรมดา ทั่วไป ไม่มีชื่อเสียงอะไร ส่วนตัวผมเอง
ก็เรียนไม่ได้เรื่อง ไม่เคยจบพร้อมกับเพื่อนเลย แม้แต่ครั้งเดียว นับตั้งแต่ ป. 6 จนถึง ปริญญาตรี
ช่วงชีวิตในระดับ มัธยมปลาย ปวส. และปริญญาตรีนั้น ผมต้องทำงานรับจ้างไปด้วย
เพื่อส่งตัวเองเรียนหนังสือ กว่าจะจบได้ก็ไม่ใช่ง่ายๆ ลำบากอย่างหนักพอสมควร

แต่แล้วผมก็ฟันฝ่าชะตาชีวิต จนก้าวมาสู่การเข้าทำงานประจำ และออกจากงาน มาก่อตั้งกิจการตัวเอง
ล้มลุกคลุกคลานเป็นเวลา 6 ปี ถึงวันนี้ก็มีรายได้ในระดับที่อยู่ได้ ไม่เดือดร้อน แม้ยังไม่รวยก็ตาม
แต่...

ที่ผมสื่อมา คือผมกำลังบอกว่า คนเราทุกคนนั้น เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเอง
ไม่ใช่ความผิดของใครที่คุณเกิดมาจน พ่อแม่ ก็ไม่ได้ผิด เพราะท่านไม่มีจริงๆ
คุณก็ไม่ผิด เพราะคุณเกิดมาอย่างนั้นแล้ว

แต่ หากคุณยอมแพ้ และปล่อยให้ความฝันดับสลายไป พร้อมกับตัวเอง...
นั่นล่ะ คุณผิดซะแล้ว...

คนเรามีชีวิตแค่เพียง ชีวิตเดียว แล้วทำไมเราจะไม่ลองทำให้มันสำเร็จ พลิกเปลี่ยนชะตาฟ้า ที่กำหนดเรามาแบบนี้ ให้มันรู้ไปว่า สองมือ สองตีน และหนึ่งสมองของเรานั้น จะเปลี่ยนชีวิตไม่ได้

สู้ๆ นะครับ ผมทำใจไว้แล้ว บทความนี้ที่ผมเขียน จะต้องมีคนไม่น้อยแน่ มาด่าผม
ตามสบายครับ ผมได้ทำสิ่งที่อยากทำแล้ว จะด่าว่าก็จัดมาเลย ไม่ได้คิดหลบหนีอยู่แล้ว เพราะผมไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แต่อยากให้มองอีกด้าน ซึ่งมันคือความจริง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น