หากใครที่มาบอกผมว่า อยากจะประสบความสำเร็จในชีวิต มีเงินไหลมาเรื่อยๆ เข้าบัญชี
มีเวลา ว่างตลอดปีละ 365 วัน มีอิสระภาพทางความคิด นึกอยากทำอะไรก็ได้ทำ อยากนอน ก็นอน
อยากตื่นก็ตื่น อยากกินอะไร เวลาไหน ก็ได้กิน
แน่นอนครับ ผมอยากบอกเหลือเกินว่า แค่ความเก่งกาจในวิชาชีพตัวเองนั้น มันไม่พอ
เพราะนั่นมันแค่ ส่วนประกอบเล็กๆ ที่ต้องเรียกว่า เล็กมาก จนเกือบจะไม่สำคัญเลย
แต่ก็อย่างว่าครับ มันสำคัญอยู่ แต่สำคัญน้อยกว่า เรื่องอื่นๆ ที่ผมกำลังจะบอกให้ทราบกัน
เอาล่ะครับ เรามามองกันแบบลวกๆ ก่อนนะ ในโลกนี้ การหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง มันก็มีกัน
หลายทาง เช่น
1. รายได้จากค่าจ้าง เช่นงานประจำ งานรับจ้าง
2. รายได้จากพอร์ทลงทุน เช่น หุ้น
3. รายได้จากกระแสเงินสด เช่น อสังหา
เอาล่ะ เรามามองกันง่ายๆ เลย ถ้าหากคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญทางวิชาชีพ ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม
นักออกแบบเว็บ นักเขียนโปรแกรม ทนายความ นักบัญชี แน่นอนครับ
คุณต้องใช้แรงตัวเอง สร้างงานขึ้นมา เช่นรับจ้าง หรือทำระบบของตัวเองขาย อย่างพวกนักเขียนโปรแกรม นักเขียนเว็บ บางคนก็จะสร้างผลิตภัณฑ์ตัวเอง เพื่อขายออกสู่ตลาด
เห็นอะไรไหมครับ คุณต้องจ่าย "แรงงาน" ของตัวเอง หรือถ้าคุณบอกว่า ไม่อยากทำเอง ก็ต้องจ้างคนอื่นทำให้ ใช่ครับ การจ้างคนอื่นทำ คุณกำลังสร้างภาระทางค่าใช้จ่ายแล้วล่ะ หากว่ามีเงินหนาพอ ก็โอเค
ไม่ว่ากัน แต่ถ้าเงินน้อย แล้วขี้เกียจ ก็รีบไปนอนได้เลย ไม่มีทางสำเร็จแน่
ยิ่งมองก็ยิ่งเห็นว่า คุณต้องมีความรู้ด้านการตลาด การขาย การคิดค้นผลิตภัณฑ์ หรือถ้าเป็นงานรับจ้าง
อันนี้ไม่ต้องพูดถึงเลย คุณเหนื่อยแบบไม่มีวันได้หยุดแน่ ยกเว้นแต่จะจ้างคนอื่นมาทำงานแทนคุณ
และ ที่หลีกหนีไม่ได้ก็คือ คุณต้องจ่ายค่าเขา ต้องมีการจ้างงานถูกต้องตามกฏหมาย ส่งภาษีให้ ทำบัญชี และโน่นนี่ อีกสารพัด
จะเอาแต่เก่งในสายอาชีพตัวเอง มันสำเร็จไม่ได้ คนเราต้องรู้กว้าง เพื่อให้จ้างคนได้รอบด้าน หรือหาทาง ทำระบบที่มันทำงานแทนคุณได้ ผมยกตัวอย่างนะครับ เขียนแอพขาย โดยเอาเข้าสโต แล้วระบบทำตลาดให้ ขายให้ จัดการภาษีให้ และคุณรับเงินอย่างเดียว
อันนี้เขาเรียกว่า กินกับลิขสิทธิ์ แน่นอนครับ คุณไม่ต้องมีลูกน้อง (บางคนก็มี) ไม่ต้องเช่าสำนักงาน ไม่ต้องตอกบัตร ไม่ต้องทำงานตลอดเวลา ไม่ต้องทำการตลาด ไม่ต้องทำการขาย ไม่ต้องบริการลูกค้า มองผิวเผินเหมือนกับว่า คุณมีอิสระในทุกๆ ด้าน แต่!!!
ขาดความมั่นคง ใช่ครับ คุณต้องคอยคิดไอเดีย แอพ ใหม่ๆ หรือผลงานชิ้นใหม่ๆ เข้าสู่ตลอด แทบจะตลอดเวลา เพราะของแบบนี้มันมาไว และไปไวมาก เมื่อถึงตรงนี้หลายคนที่ยืนได้ ก็จะเริ่มการจ้างงาน จ้างคนมาบริหารจัดการ ตัวเองถือหุ้น เพื่ออะไรครับ ก็เพื่อหลุดพ้นจากการทำงานหนักนั่นเอง
อิสระภาพทางการเงิน มันเป็นไปได้ยาก แต่ก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ เพียงแต่ว่า
คุณต้องปรับมุมมองใหม่ มองโลกให้กว้างออกไปจากเดิม โลกที่คุณยืนอยู่
วิชาชีพที่คุณทำจนเกิดความเชี่ยวชาญ ถึงแก่นแท้นั้น มันนำพาคุณไปสู่อิสระภาพ ทางการเงิน ไม่ได้
เชื่อผมเถอะครับ คุณต้องรู้ให้รอบด้าน อย่าเอาแต่เชี่ยวชาญในด้านเดียว แล้วมาทำธุรกิจ
ผมเห็นเจ้งกันไปนักต่อนัก เพราะอะไร ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่เก่งนะ หลายคนเก่งครับ
เก่งกว่าผมก็เยอะ แต่ไปไม่รอด เพราะขาดความรู้ในด้านการบริหารเวลา การจัดการเงิน
จัดการความเสี่ยง การตลาด การขาย การประชาสัมพันธ์ และอีกสารพัด
โลกที่พวกเขาเพิ่งก้าวขาเข้ามา มันคือสิ่งใหม่ และพวกเขาหลายคน ก็เป็นมือใหม่
ที่เชี่ยวชาญในวิชาชีพตัวเอง แต่ต้องมาเจอกับอะไรหนักๆ สารพัด ที่ไม่เคยพบเห็น
หรือยังไม่รู้ทันเหลี่ยมสิ่งเหล่านั้น
สุดท้าย ผมอยากบอกว่า ถ้าหากคุณ ไม่ได้ต้องการอิสระภาพทางการเงิน ไม่อยากมีชีวิตที่มีเวลาปีละ 365 วัน เป็นของตัวเองจริงๆ ก็ไม่ต้องไปศึกษาความรู้ด้านอื่นอีก เชี่ยวชาญในงานตัวเอง เพื่อเลื่อนตำแหน่งไปเรื่อยๆ อัพระดับเงินเดือนมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างนั้นก็ได้ครับ ไม่ว่ากัน
เพราะ ความต้องการของคนเรา ไม่เหมือนกัน ผมไม่สามารถบอกให้ทุกๆ คน หันมาเป็นนายตัวเองได้หรอก
ก่อนจบบทความผมขอฝากไว้ว่า "เวลา" ไม่ใช่แค่ของคุณ แต่มันคือ
ของชีวิตคุณ ทั้งชีวิต
วันนี้คุณจะจ่าย "เวลา" ให้กับใครบางคน หรือเลือกจ่าย "ให้ตัวเอง" คุณคือคนกำหนด
ฟ้าไม่ได้ลิขิตชีวิตใคร แต่คนเราต่างหาก ที่ลิขิตชีวิตตัวเอง ให้เป็นไปแบบนั้น...
ถาวร ศรีเสนพิลา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น