นี่ก็เป็นอีกบทความหนึ่ง ที่ผมทำใจอยู่นาน ว่าจะเขียนออกมาแบบไหนดี
เพราะแน่นอนครับ มันอาจกระทบความรู้สึกของ มนุษย์เงินเดือนหลายคน หรือที่เราเรียกกันว่า "ลูกจ้าง"
นั่นล่ะครับ
ไม่ว่าจะตำแหน่งอะไร พนักงาน เจ้าหน้าที่ ลูกจ้าง หรืออะไรก็ตาม ผมขอเรียกรวมกันว่า
"มนุษย์เงินเดือน" นะครับ เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ
หลายๆ คนที่ยังเรียนหนังสืออยู่ ก็อาจจะไม่รู้ว่า โลกแห่งการทำงานตอกบัตร เช้า เย็น มันเป็นยังไง
นักศึกษา หลายต่อหลายคนวาดฝัน ภาพของตัวเองในชุดทำงานสุดเท่ สิ้นเดือนมีเงินเข้าบัญชีหลายหมื่นบาท มีเงินออกรถสวยๆ สักคัน อยู่บ้านหลังโตสักหลังหนึ่ง มีเวลาไปเที่ยว ที่นั่น ที่นี่ เยอะแยะ มีเงินใช้ไม่ขาดมือ และที่แน่นอนครับ ไม่ต้องรบกวนพ่อแม่อีกต่อไป แหมๆๆๆ มันช่างน่าภูมิใจ หอมหวาน เหลือเกิน
นั่นล่ะครับ คือความฝัน...
ผมจึงได้เขียนบทความนี้ขึ้นมา เพื่อปลุก ให้บรรดานักศึกษาหลายคน ตื่นขึ้นมาได้แล้ว และมารับรู้ความจริง ว่ามันเป็นยังไงกันแน่ สิ่งที่วาดเอาไว้ มันใช่หรือเปล่า
เอาล่ะครับ เมื่อใดที่คุณเริ่มก้าวเท้าเข้าสู่โลกของการทำงาน อย่างแรกเลย ต้องเข้าใจคำว่า "ระบบ" ก่อนนะ คุณไปจ่ายเวลา และแรงงาน + ความรู้ เพื่อทำอะไรบางอย่างให้กับระบบ ใช่ครับ ผมกำลังพูดถึงระบบ คุณต้องทำงานตามเวลา ที่ทางหน่วยงานกำหนด ตอกบัตรเช้า เที่ยง บ่าย เย็น
สิ่งที่คุณจะได้พบก็คือ อิสระภาพ ทางความคิด ค่อยๆ หายไป กลายเป็นทำงานตรงหน้า ตามคำสั่งของหัวหน้างาน เพื่อให้จบไปวันๆ วันแล้ว วันเล่า ผ่านไป
ถึงจุดหนึ่งสิ่งที่คุณจะร้องเรียกหา คือ "เวลา" นาฬิกาบนข้อมือ จะเป็นเพื่อนสนิท ที่คุณมองมัน วันละหลายๆ ครั้ง เพื่อดูว่า ใกล้จะได้เวลากินข้าวเที่ยงหรือยัง กูหิวมากแล้ว เมื่อเช้าก็รองท้องด้วย ขนมปัง กับกาแฟ ใช่ครับ แม้แต่เวลาจะกินข้าวเหมือนคนปกติ คุณยังไม่มี แถมยังต้องมองนาฬิกา ยามบ่ายคล้อย เพื่อดูว่า ใกล้ได้เวลาเลิกงานแล้วหรือยัง...
เอาล่ะ นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่ทำให้เห็นความแตกต่างระหว่าง "เรียน" กับ "ทำงาน" ในห้องเรียนคุณเบื่อ ก็โดดเรียนได้ แต่โลกการทำงาน แค่ลาป่วยยังเป็นสิ่งที่แทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะจะโดนโทรจิก โทรตาม ให้ฝืนร่างกายมาทำงาน แม้จะเหนื่อยแค่ไหน ก็ต้องมา แม้จะไม่อยากลุกจากที่นอนในวันฝนตกหนัก ก็ต้องออกมา พร้อมเสื้อกันฝน หรือไม่ก็ ร่มซักอัน...
เงินเดือนที่ได้รับมานั้น หากจะพูดกันจริงๆ มันได้แค่เพียงเลี้ยงปากท้องให้พ้นเดือน และมีเก็บอีกเล็กน้อย บางคนประหยัดหนักมาก ก็อาจจะมีเก็บมากกว่าคนอื่นสักหน่อย แต่นั่นก็หมายถึงว่า
คุณต้องอดทน ต่อสิ่งรอบข้าง เช่น อดทนต่อสิ่งของที่อยากได้ อดทนต่ออาหารที่อยากกิน อดทนต่อที่เที่ยวที่อยากไป เพื่อเอา "รายได้" มาเก็บออมไว้ใน บัญชี และเฝ้ามองตัวเลขนั้น วันแล้ววันเล่า
สุดท้าย คุณจะเริ่มถามตัวเองว่า "นี่มันใช่เราแล้วเหรอ เรามาทำอะไรที่นี่"
เมื่อถึงตอนนั้นความคิดบางอย่างจะเริ่มเข้ามาในหัว เช่น ทำไมเจ้านายสบายกว่าเรา เงินก็เยอะกว่า นี่เราโดนเอาเปรียบหรือเปล่า เอ้ะ ทำไมไอ้คนนั้นไม่ค่อยทำงานอะไร หนักหนาแบบเรา แต่ทำไมเงินเดือนมันเยอะกว่า หรือไม่ก็ ทำไมมันมีนี่ มีนั่น ซึ่งเราไม่มีแบบมัน
ใช่ครับ คุณกำลังถามหา "ความยุติธรรม" ผมบอกได้เลยว่า มันไม่มีหรอก เพราะความจริงก็คือ มันมีเหตุผลหลายอย่าง ที่ทำให้คนเราเงินเดือนต่างกัน ไม่ใช่แค่เอาเรื่องความขยันมาพูด เพื่อเรียกเงินเดือนเพิ่ม ผมอธิบายสั้นๆ นะครับ "การเลียนาย" การใช้ความรู้เฉพาะทางบางอย่าง สิ่งเหล่านี้ ก็ทำให้เงินเดือนของคนเราแตกต่างกันได้
สุดท้ายครับ ก่อนจบบทความ ผมอยากบอกว่า "ในที่สุดแล้ว คุณก็จะหาทางกลับมาจุดเริ่มต้น อีกครั้ง" เพื่อมองหางานใหม่ๆ ที่มัน (น่าจะ) ดีกว่างานตรงนี้
ก็ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ และพบงานที่ดี หากคุณยังค้นหามันอยู่ ผมเองเขียนบทความนี้เพียงเพื่อ สื่อถึงความจริงบางอย่าง ให้นักศึกษา ได้ตื่นขึ้นจากความฝัน ที่พวกเขากำลังละเมอ จนน้ำลายเหนียว...
บางที เขาอาจจะพบอะไรบางอย่าง ที่ผมแอบสื่อเอาไว้ในบทความนี้
เพราะผมพูดตรงๆ ไม่ได้ครับ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น