นับวันมันยิ่งลดลง...
อ้าว ไอ้บ้า ไหงมาว่าแบบนี้ฟระ?...
จริงครับ ลองนึกภาพกันช้าๆ นะ ถ้าคุณเก็บเงินไว้ 10,000 บาทเมื่อ 10 ปีก่อน ผมตอบได้เลยว่าซื้ออะไรได้บ้าง
1. ถ้าเอาไปซื้อไข่ ตอนนั้นจะได้ 5,000 ฟอง เพราะฟองละ 2 บาท
เอาล่ะ มาดูกันวันนี้ เงิน 10,000 ของคุณซื้อสิ่งเดิม ได้เท่าไหร่ มันได้ไข่แค่ 2,000 ฟอง เพราะตอนนี้ฟองละ 5 บาทแล้ว ส่วนห้องเช่า จะเช่าได้แค่ 4 เดือน เพราะตอนนี้ค่าเช่า เดือนละ 2,500 ครับ
เห็นไหมว่า เงินที่เก็บเอาไว้มันซื้อของได้น้อยกว่าเดิมอีก เพราะอะไร ก็เพราะ "เงินเฟ้อ" ครับ
หลายคนไม่รู้จัก ลองไปค้นกูเกิลดูนะว่า อะไรคือ "เงินเฟ้อ"
ผมกำลังบอกว่า เงินที่คุณเก็บเข้าไป ฝากเข้าไป ในที่ที่มันปลอดภัยที่สุด
ตัวเลขมันมากขึ้นเรื่อยๆ ตามวันเวลา แต่มูลค่ามันลดลงเรื่อยๆ ตามวันเวลา เช่นกัน
เป็นเรื่องจริงครับ แต่แปลก ที่คนเรายังคงกระหน่ำ ทำงานอย่างหนัก
เพื่อเอาเงิน มาฝากในบัญชี เพียงเพราะ "เห็นตัวเลข" มากขึ้นเรื่อยๆ
เอาตรงๆ นะครับ ณ เวลานี้ เงินที่ผมหามาจนเดี๋ยวนี้ ในบัญชีผมมีไม่กี่บาท คำว่าไม่กี่บาท
มันหมายถึงไม่กี่พันเท่านั้นครับ ผมมีไว้เพียงแค่ประทังชีวิตในระยะสั้นๆ
อ้าว แล้วไหงว่าผมหาเงินได้เยอะ มันไปไหนกันหมด...
ก็เอาไปลงทุน สร้างทรัพย์สินไงล่ะ เรียกว่าเป็นการลงทุน...
หรือพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นอีกคือ ผมก็ฝากเงินแบบที่หลายๆ คนฝากกัน
เพียงแค่หลายคนฝากไว้ในบัญชีธนาคาร
แต่ผมฝากเอาไว้ใน "เครื่องปั่นเงิน" หรือ ทรัพย์สิน ของผม
มันไม่มีตัวเลขให้ดูว่าตอนนี้มีกี่บาท
แต่ค่าของมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา
ผมอยากบอกกับทุกคนว่า อย่าได้เก็บออมเงินจนเกินไปครับ ลองศึกษาเรื่องการลงทุน
หรือนำมันไปใช้สร้างอะไรบางอย่างดู
ทุกอย่างมีความเสี่ยง มันอาจเจ้งก็ได้ ผมไม่รับประกันว่าจะรอด
แต่การฝากเงินไว้เสี่ยงยิ่งกว่า เพราะยังไงก็สู้สภาวะ "เงินเฟ้อ" ไม่ได้
ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะ "เงิน" มันถูกออกแบบให้ลดค่าลงเรื่อยๆ ในทุกๆ ปี
ไม่เชื่อไปดูสถิติสิครับ นี่คือเรื่องจริง !!!
เอาล่ะ ก่อนจบบทความนี้ผมยากอะไรไว้นิดนึงครับ
...คนจนสะสมเงิน คนรวยสะสมทรัพย์สิน
เชื่อผมเถอะว่า นั้นคือเรื่องจริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น